รีวิวหนัง The Tomorrow war สงครามเอเลี่ยน
ตื่นเต้นไม่ได้หายอะไรขนาดนั้นเป็นประมาณนั้นจริงๆเนื่องจากประสบการณ์ในอดีตกับบรรดาหนัง Original Content ที่เขาว่ามันหอมยักษ์ปลอมใหญ่เนี่ยจะมาปฏิวัติวงการเกมมิ่งขอดูทีไรก็ไม่เคยว่างสักเท่าไหร่เลยไอ้ที่สนุกจริงๆแล้วมันก็มีแต่ที่ดูแล้วเฉยๆเนี่ยมันเยอะมากกว่ามากๆเลยอย่างนั้นคำที่อยู่ในหัวของผมสําหรับหนัง Original Content เรื่องใหม่ของ Amazon Prime เรื่องนี้ก็คืออีกแล้วหรอตัวผมเนี่ยไม่ได้ตั้งตารอแล้วก็ไม่ได้คาดหวังใดๆถ้าสำหรับ The Tomorrow What ที่นำแสดงโดยคริสผ่านเรื่องนี้กระแสปากต่อปากแรงพอสมควรบรรดานักวิจารณ์เมืองนอกอาจจะว่ามันก็เฉยๆแต่ฟังคนดูเนี่ยเขาให้กระแสบวกเป็นอย่างมากจนแบบนี้ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจกูรู้ไม่ชอบแต่คนดูชอบเพราะว่าหนังเรื่องนี้เนี่ยมันเน้นที่ความมันนั่นเองช่วงนี้แนนหนังมันๆยิ่งหาดูยากอยู่เรื่องนี้มันก็เลยน่าสนใจ บทสวดเป็นการงานใหญ่ของโลกพวกเขาประกาศตัวว่ามาจากอนาคตในปี 2511 อีก 30 ปีข้างหน้านั่นเองพวกเขามาที่นี่เพื่อร้องขอความช่วยเหลือมนุษยชาตินั้นกำลังถูกรุกรานครั้งใหญ่มันคือสงครามกับพวกต่างดาวและตอนนี้พวกเขากำลังจะพ่ายแพ้จำนวนประชากรทั้งหมดที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแค่ 50 ไปใดที่จะทำให้เห็นตัวร้ายตัวนี้เลยนะไม่แนะนำให้ไปหาดูก่อนด้วยถ้าเกิดว่า
คุณยังไม่เคยเห็นเพราะว่ามันจะทำให้เสียงรถเป็นอย่างมากแล้ว Tomorrow เนี่ยจงใจจริงๆพี่จะเก็บงานตัวพวกร้านไว้ในตอนต้นของเรื่องก็ค่อยๆพูดผ่านบทสนทนาบรรยายถึงความเห*้ยมโหดกว่าน่ากลัวความโหดร้ายของมันที่ขนาดคนที่เคยสู้กับมันแล้วรอดมาได้ก็กลัวที่จะพูดถึงมันข้อมูลทุกอย่างนั้นนิ้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระตุ้นให้อยากรู้แบบสุดๆกับว่าหน้าตามันจะเป็นยังไงในระหว่างที่ดูเนี่ยก็เริ่มคิดเหมือนกันว่าถ้าโทรมาแล้วมันไม่ได้กลัวเดี๋ยวจะด่าซะหน่อยแต่พอเนื้อเรื่องมันเดินมาถึงจุดๆนึงแต่สุดท้ายมันก็โผล่มาจริงๆแล้วก็เป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นพี่ดีจริงๆเรื่องนี้เนี่ยมีองค์ประกอบ 3 มาให้ความจุใจมาแทนมันต่อเนื่องมากๆแทบจะไม่มีพรรคซึ่งโอเคจะคุยก็คุยกันเต็มที่ถึงฉันรู้แล้วมันก็กูไม่หยุดเช่นกัน 5 นาทีเป็นอย่างต่ำอะไรประมาณนั้นแหละที่ผมประทับใจก็คือแต่ละชาติเนี่ยเจ้าตัวประหลาดของเราก็มาแบบจัดเต็มไม่ได้มาแบบหลบๆซ่อนๆแบบกลัวเปลืองสีอะไรแบบนั้นก็ต้องบอกว่างบ 200 ล้านเหรียญที่เขาใช้กับหนังที่จะทำลง Streaming แทบไม่ได้ถูกเน้นขึ้นมาสักเท่าไหร่เวลาของนางเนี่ยมันไม่พอจริงๆที่จะไปในส่วนอื่นจนผมแนวคิดเหมือนกันนะว่าถ้าหนังเรื่องนี้มันยาวอย่างน้อยสัก 3 ชั่วโมงครึ่งหรือว่ามันเป็น Mini Series เนี่ยเราก็น่าจะได้หนังที่มีทั้งบู๊และข้อความซึ้งและที่สำคัญก็คือเมสเสจดีๆด้วยเพราะว่าปวดทุกอย่างที่เขาส่งมาถึงจริงๆแต่เวลาใช้กับตัวละครนั้นมันน้อยไปหน่อยลบรักมากๆก็เลยไม่อินเท่าที่ควรรู้สึกเสียดายตรงนี้นิดนึงเหมือนกันแต่ถ้าเกิดว่าใครคาดหวังว่ามันจะมีความใช้ไฟมากกว่านี้มีทฤษฎีต่างๆมันรองรับมีภูมิหลังมากกว่านี้ก็อาจจะต้องผิดหวังเหมือนกันเพราะว่าหนังเรื่องนี้เนี่ยเขาเน้นไปที่ความมันนั่นเองสรุปแล้วกันแต่ว่าเรามองว่า The Tomorrow
Review Movie The Tomorrow war
Review Movie The Tomorrow war
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น